สวัสดีครับ ผมชื่อ นายสุรเดช รุ่งโรจน์ประชาชื่น ผมอายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 18 บ้านสบอม แฮด ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ผมจบจากโรงเรียนอมก๋อยวิทยาคม กาลังจะศึกษาชั้นปีที่ 1 วิทยาลัย เชียงราย คณะพยาบาลศาสตร์ ผมมีพี่น้องทั้งหมด 4 คน ผมเป็นคนสุดท้อง ครอบครัวผมประกอบอาชีพ รับจ้างทั่วไป
ทุกคนเกิดมาล้วนแตกต่างกันอยู่แล้ว ไม่ว่ารูปร่างหน้าตา ฐานะหรืออะไรอีกหลายอย่างก็ตาม ตัวผม เองก็ไม่ต่างอะไรจากทุกคน ผมเกิดในครอบครัวที่ไม่ได้สวยหรู อบอุ่นอย่างกับครอบครัวอื่นๆ ผมมีครอบครัวที่ มียาเสพติดเป็นใหญ่ในชีวิต ในครอบครัวของผมติดยาเสพติดทุกคนยกเว้นตัวผม ไม่ว่าพ่อแม่ พี่ชาย พี่สาว ทุก คนติดยาเสพติด คุณพ่อเป็นคนตดิ สุราหนักมาก หลังจากดื่มกลับมาบ้านก็หาเรื่อง หยิบมีดมาไล่ฟันแม่และพี่ๆ เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ผมอยู่ในท้องแม่จนถึงปัจจุบัน แม่และพี่สาวก็ติดฝิ่น ทุกๆเช้าหรือเย็นผมก็จะเห็นแม่และ พี่สาวเสพฝิ่นเกือบทุกวัน พี่ชายคนโต เสพฝิ่นเสพยาบ้าจนตัวเองเป็นบ้าฆ่าคนตาย ติดคุกเกือบ10ปี พอพ้น โทษแทนที่จะเลิกยุ่งกับยาเสพติดแต่ไม่เลย พี่ก็ยังคงเสพจนถึงทุกวันนี้ ส่วนพี่ชายคนกลางก็ติดสารเสพติดเกือบ ทุกชนิดติดคุกไม่ต่า 5 ครั้ง เสพยาจนตัวเองเป็นบ้าถึงขั้นไปอยู่โรงพยาบาลสวนปรุง และปัจจุบันอาการดีขึ้นแต่ ยังไม่กลับมาเป็นปกติเหมือนเมื่อก่อนและยังคงเสพยาเสพติดเช่นเดิม และตัวผมเองก็เคยถูกตรวจพบปัสสาวะ สารเสพติดฝิ่น ตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น เพราะเกิดจากการอยู่ในสภาพแวดล้อมของยาเสพติด และครอบครัว ผมทาทุกอย่างเพื่อที่จะได้เงินไปเสพยา ที่นา ที่ดินในสวน ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ พ่อแม่ขายทิ้งทั้งหมด ตอนนี้ทางครอบครัวไม่มีที่ดินทากินเลยแม้แต่ที่เดียว มีแต่บ้านที่พ่อแม่พักอาศัยอยู่ ที่ยังไม่ได้ขาย และเป็น สมบัติชิ้นเดียวในครอบครัวที่เหลืออยู่
พอผมขึ้นชั้น ม.4 ผมได้รับความช่วยเหลือจากพันธกิจพัฒนาเด็กและเยาวชนบ้านสบอมแฮด ที่ให้ผม ได้ไปพักอาศัยอยู่ที่ร้านสหกรณ์หมู่บ้าน ซึ่งชั้นบนเป็นสตูดิโอของกลุ่มเยาวชน ผมอาศัยอยู่ห้องข้างๆสตูดิโอ ผม ก็ช่วยงานทุกอย่างที่นั่น ผมได้เรียนรู้ถึงการตัดต่อวิดีโอ การถ่ายรูป การแต่งหน้า ผมก็ทาเป็นทุกอย่าง
ผมขึ้นชั้น ม.4 ผมได้เลือกเรียนสายศิลป์ภาษาเพราะตอนนั้นยังไม่มีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอนผมได้มี โอกาสได้เป็นผู้นาจัดค่ายต่อต้านยาเสพติดให้กับเด็กและเยาวชนที่บนดอยในเขตอาเภออมก๋อย ผมได้พบได้เจอ กับเหตุการณ์ต่างๆตามที่ ที่ผมได้ไปสอน ผมเห็นเด็กหลายคนที่มีชีวิตที่ไม่ต่างจากผม เด็กๆมีครอบครัวที่ติดยา เสพติดเหมือนกับผมเกือบจะทุกคน บางคนหนักกว่าตัวผมก็มีและสิ่งที่เห็นอีกอย่างหนึ่งคือปัญหาการเดินทาง มาโรงพยาบาล เจ็บป่วยทีกว่าจะลงดอยมาถึงโรงพยาบาลก็ทาเอาเกือบไม่รอดบางรายถึงกับเสียชีวิตกลางทาง และนี่แหละครับเป็นตัวจุดประกายที่ทาให้ผมอยากเป็นพยาบาลขึ้นมาทันที แต่ทว่ารู้ตัวว่าชอบก็สายไปแล้วที่ จะกลับไปเรียนสายวิทย์-คณิต เพราะพยาบาลรับเฉพาะสายวิทย์-คณิตเท่านั้น ข่าวร้ายย่อมมากับข่าวดี เพราะทางวิทยาลัยเชียงรายเปิดโอกาสให้นักเรียนที่เรียนสายศิลป์ได้สอบเข้าเรียนพยาบาลเป็นปีแรก ผมไป สอบคณะพยาบาลศาสตร์ที่วิทยาลัยเชียงราย ผมก็ผ่านการคัดเลือก
แต่ผมรู้สึกมีความสุขกับการได้ให้ความรู้แก่น้องๆในด้านโทษของยาเสพติด และผมดีใจมากที่น้องๆ บางคนที่ผมได้ให้ความรู้ ได้หนุนใจ เขากลับตัวกลับใจไม่ยุ่งกับยาเสพติดอีกเลย และนี่คือเหตุผลที่อยากจะเข้า ศึกษาต่อคณะพยาบาล เพื่อที่จะได้เป็นแบบอย่าง เป็นแรงบันดาลใจให้กับน้องๆอีกหลายคนที่มีชีวิตเหมือนผม ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเหล่านั้น ลุกขึ้นสู้ เพื่ออนาคตที่ดีของตนเอง และผมเองก็ได้สัญญากับน้องๆที่ตามหมู่บ้านที่ ห่างไกลที่ผมได้ไปจัดค่ายว่า “ถ้าพี่กลับมาที่นี่อีกครั้งหนึ่ง พี่จะกลับมาด้วยชุดขาว” และที่สาคัญมากไปกว่านั้น ผมอยากใช้อาชีพของผมรักษาผู้คนโดยเฉพาะที่ติดยาเสพติดและคนในครอบครัวผมเอง
สวัสดีครับ ผมชื่อ นายสุรเดช รุ่งโรจน์ประชาชื่น ผมอายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 18 บ้านสบอม แฮด ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ผมจบจากโรงเรียนอมก๋อยวิทยาคม กาลังจะศึกษาชั้นปีที่ 1 วิทยาลัย เชียงราย คณะพยาบาลศาสตร์ ผมมีพี่น้องทั้งหมด 4 คน ผมเป็นคนสุดท้อง ครอบครัวผมประกอบอาชีพ รับจ้างทั่วไป
ทุกคนเกิดมาล้วนแตกต่างกันอยู่แล้ว ไม่ว่ารูปร่างหน้าตา ฐานะหรืออะไรอีกหลายอย่างก็ตาม ตัวผม เองก็ไม่ต่างอะไรจากทุกคน ผมเกิดในครอบครัวที่ไม่ได้สวยหรู อบอุ่นอย่างกับครอบครัวอื่นๆ ผมมีครอบครัวที่ มียาเสพติดเป็นใหญ่ในชีวิต ในครอบครัวของผมติดยาเสพติดทุกคนยกเว้นตัวผม ไม่ว่าพ่อแม่ พี่ชาย พี่สาว ทุก คนติดยาเสพติด คุณพ่อเป็นคนตดิ สุราหนักมาก หลังจากดื่มกลับมาบ้านก็หาเรื่อง หยิบมีดมาไล่ฟันแม่และพี่ๆ เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ผมอยู่ในท้องแม่จนถึงปัจจุบัน แม่และพี่สาวก็ติดฝิ่น ทุกๆเช้าหรือเย็นผมก็จะเห็นแม่และ พี่สาวเสพฝิ่นเกือบทุกวัน พี่ชายคนโต เสพฝิ่นเสพยาบ้าจนตัวเองเป็นบ้าฆ่าคนตาย ติดคุกเกือบ10ปี พอพ้น โทษแทนที่จะเลิกยุ่งกับยาเสพติดแต่ไม่เลย พี่ก็ยังคงเสพจนถึงทุกวันนี้ ส่วนพี่ชายคนกลางก็ติดสารเสพติดเกือบ ทุกชนิดติดคุกไม่ต่า 5 ครั้ง เสพยาจนตัวเองเป็นบ้าถึงขั้นไปอยู่โรงพยาบาลสวนปรุง และปัจจุบันอาการดีขึ้นแต่ ยังไม่กลับมาเป็นปกติเหมือนเมื่อก่อนและยังคงเสพยาเสพติดเช่นเดิม และตัวผมเองก็เคยถูกตรวจพบปัสสาวะ สารเสพติดฝิ่น ตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น เพราะเกิดจากการอยู่ในสภาพแวดล้อมของยาเสพติด และครอบครัว ผมทาทุกอย่างเพื่อที่จะได้เงินไปเสพยา ที่นา ที่ดินในสวน ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ พ่อแม่ขายทิ้งทั้งหมด ตอนนี้ทางครอบครัวไม่มีที่ดินทากินเลยแม้แต่ที่เดียว มีแต่บ้านที่พ่อแม่พักอาศัยอยู่ ที่ยังไม่ได้ขาย และเป็น สมบัติชิ้นเดียวในครอบครัวที่เหลืออยู่
พอผมขึ้นชั้น ม.4 ผมได้รับความช่วยเหลือจากพันธกิจพัฒนาเด็กและเยาวชนบ้านสบอมแฮด ที่ให้ผม ได้ไปพักอาศัยอยู่ที่ร้านสหกรณ์หมู่บ้าน ซึ่งชั้นบนเป็นสตูดิโอของกลุ่มเยาวชน ผมอาศัยอยู่ห้องข้างๆสตูดิโอ ผม ก็ช่วยงานทุกอย่างที่นั่น ผมได้เรียนรู้ถึงการตัดต่อวิดีโอ การถ่ายรูป การแต่งหน้า ผมก็ทาเป็นทุกอย่าง
ผมขึ้นชั้น ม.4 ผมได้เลือกเรียนสายศิลป์ภาษาเพราะตอนนั้นยังไม่มีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอนผมได้มี โอกาสได้เป็นผู้นาจัดค่ายต่อต้านยาเสพติดให้กับเด็กและเยาวชนที่บนดอยในเขตอาเภออมก๋อย ผมได้พบได้เจอ กับเหตุการณ์ต่างๆตามที่ ที่ผมได้ไปสอน ผมเห็นเด็กหลายคนที่มีชีวิตที่ไม่ต่างจากผม เด็กๆมีครอบครัวที่ติดยา เสพติดเหมือนกับผมเกือบจะทุกคน บางคนหนักกว่าตัวผมก็มีและสิ่งที่เห็นอีกอย่างหนึ่งคือปัญหาการเดินทาง มาโรงพยาบาล เจ็บป่วยทีกว่าจะลงดอยมาถึงโรงพยาบาลก็ทาเอาเกือบไม่รอดบางรายถึงกับเสียชีวิตกลางทาง และนี่แหละครับเป็นตัวจุดประกายที่ทาให้ผมอยากเป็นพยาบาลขึ้นมาทันที แต่ทว่ารู้ตัวว่าชอบก็สายไปแล้วที่ จะกลับไปเรียนสายวิทย์-คณิต เพราะพยาบาลรับเฉพาะสายวิทย์-คณิตเท่านั้น ข่าวร้ายย่อมมากับข่าวดี เพราะทางวิทยาลัยเชียงรายเปิดโอกาสให้นักเรียนที่เรียนสายศิลป์ได้สอบเข้าเรียนพยาบาลเป็นปีแรก ผมไป สอบคณะพยาบาลศาสตร์ที่วิทยาลัยเชียงราย ผมก็ผ่านการคัดเลือก
แต่ผมรู้สึกมีความสุขกับการได้ให้ความรู้แก่น้องๆในด้านโทษของยาเสพติด และผมดีใจมากที่น้องๆ บางคนที่ผมได้ให้ความรู้ ได้หนุนใจ เขากลับตัวกลับใจไม่ยุ่งกับยาเสพติดอีกเลย และนี่คือเหตุผลที่อยากจะเข้า ศึกษาต่อคณะพยาบาล เพื่อที่จะได้เป็นแบบอย่าง เป็นแรงบันดาลใจให้กับน้องๆอีกหลายคนที่มีชีวิตเหมือนผม ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเหล่านั้น ลุกขึ้นสู้ เพื่ออนาคตที่ดีของตนเอง และผมเองก็ได้สัญญากับน้องๆที่ตามหมู่บ้านที่ ห่างไกลที่ผมได้ไปจัดค่ายว่า “ถ้าพี่กลับมาที่นี่อีกครั้งหนึ่ง พี่จะกลับมาด้วยชุดขาว” และที่สาคัญมากไปกว่านั้น ผมอยากใช้อาชีพของผมรักษาผู้คนโดยเฉพาะที่ติดยาเสพติดและคนในครอบครัวผมเอง